วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เกร็ดโหราศาสตร์

ตำราเศษพระจอมเกล้า
ศษ ๐
นกแขกเต้า เฝ้าทำรวงรังระวังผล
แสวงดีย่อมมีผล อย่าคลอเคล้ากับเหล่าพาล
เหมือนปักษีอันมีปีก รู้หลบหลีกธนูพราน
ถ้าประมาทจะเสียการ ถึงชอกช้ำระกำกาย

หมายถึง ให้พึงระวังการคบหาสมาคม เพราะคบกับผู้ใดก็เป็นเช่นนั้น เปรียบเสมือนนิทานนกแขกเต้าที่อยู่กับโจรและพระฤษี ทั้งที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ดังนั้นคนในเศษนี้ ไม่ควรที่จะประมาท เพราะภัยจะตกต้องมาถึงตนได้

เศษ 1
เสาเรือนไฟไหม้ ชะตาใครทั้งชายหญิง
ไร้เรือนที่พักพิง ที่พึ่งพักสำนักเนา
ร่อนเร่ระเหระหน เร่งเจียมตนอย่าดูเบา
เพราะว่าชะตาเรา โทษประกอบจึงเกิดกรรม

หมายถึง หญิงชายใดตกเข้าแล้ว จะไม่มีที่พักพิงอาศัย มีเรือนก็ไฟไหม้ ให้พึงเจียมเนื้อเจียมตนให้จงหนัก กระทำการใดให้พินิจพิจารณาอย่างรอบคอบ

เศษ 2
จะครองไข้ มีโรคร้ายรุมประจำ
หยูกยาจะหาทำ บ่ถูกแท้จนแก่ตัว

หมายถึง จะมีโรคประจำตัว รักษาอย่างไรก็หายได้ยาก ต้องเสียทรัพย์สินอยู่เรื่อยไป ทำให้มีฐานะค่อนข้างจะยากจน

เศษ 3
ความสบาย มีม้าควายเกวียนและวัว
พอสมสกุลตัว เข้าที่ทายสถานกลาง

หมายถึง เป็นคนมีฐานะพอเหมาะสมตัว แค่สถานประมาณกลาง จะว่าจนก็ไม่ได้ จะว่ารวยก็ไม่เชิง

เศษ 4
มีข้าครอก อเนกนอกคณานาง
อุปถัมภ์ล้วนสำอาง บ่ไข้ชุกบ่ทุกข์เป็น

ความหมาย เป็นคนมีบุญ คิดการสิ่งใดก็สมความปรารถนา มีข้าทาสบริวาร และทรัพย์สินเงินทองเพียงพอ แก่การใช้จ่ายได้อย่างสะดวก สบาย

เศษ 5
ชะตากลับ ทุนทรัพย์แลแสนเข็ญ
ภายหน้าชะตาเป็น ทุนทรัพย์จะนับพัน

หมายถึง ในขั้นต้นจะเป็นคนไม่มีฐานะ แต่เมื่ออายุย่างมากเข้า ฐานะก็จะกลับกลายจนมีหลักฐานมั่นคงดี

เศษ 6
จะยกญาติ เป็นเชื้อชาติประเสริฐสรรพ์
เงินตรายศถาพันธ์ ทุนทรัพย์ลำดับดี

หมายถึง จะได้รับความอุดหนุนจากหมู่ญาติที่สนิทสนมกับตน ช่วยฟื้นฟูฐานะของตนจนกลายเป็นคนมีฐานะดีในอนาคต

เศษ 7
นั้นผ้าขาด จะนุ่งห่มก็เต็มที
พักตราย่อมราศี ระคายคับทั้งทรัพย์สิน

หมายถึง เป็นคนค่อนข้างอาภัพ กระทำการใดก็ไม่สำเร็จผล ทุนทรัพย์ก็มีน้อย ไม่เพียงพอแก่การใช้จ่าย การนุ่งห่มก็ซมซ่อ เป็นที่เหยียดหยามของคนทั่วไป

เศษ 8
นั้นเปรื่องยศ จะปรากฏกระเดื่องดิน
ทรัพย์ศฤงคารสถานถิ่น ทั้งอำนาจวาสนา

หมายถึง เป็นคนมีชาติมีตระกูล จะกระทำการใดก็ได้ดังความปรารถนา จะเป็นคมมีเกียรติยศเป็นที่เชื่อถือของคนทั่วไป และสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สิน

เศษ 9
กินข้าวกลางตลาด เสมอชาติสุนักขา
ถึงจะมีวาสนา ต้องประกอบกิจการ
แม้นตระกูลทลิทก ถึงตกต่ำก็บ่นาน
ดั่งนักเลงสุราบาน พอขวนขวายใส่ท้องตน

หมายถึง เป็นคนที่มีวาสนา แต่ต้องทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง ถึงแม้เกิดในกระกลูยากจนก็สามารถ พลิกพื้นได้ในไม่ช้า ในชีวิตถึงแม้จะไม่รวยมหาศาลแต่ก็พอมีพอกิน

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ความหมายของความรู้

คำว่าความรู้นั้น ในทัศนะของฮอสเปอร์ นับเป็นขั้นแรกของพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการจดจำ ซึ่งอาจจะโดยการนึกได้ มองเห็น ได้ยิน หรือ ได้ฟัง ความรู้นี้ เป็นหนึ่งในขั้นตอนของการเรียนรู้ โดยประกอบไปด้วยคำจำกัดความหรือความหมาย ข้อเท็จจริง ทฤษฎี กฎ โครงสร้าง วิธีการแก้ไขปัญหา และมาตรฐานเป็นต้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ความรู้เป็นเรื่องของการจำอะไรได้ ระลึกได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดที่ซับซ้อนหรือใช้ความสามารถของสมองมากนัก ด้วยเหตุนี้ การจำได้จึงถือว่าเป็น กระบวนการที่สำคัญในทางจิตวิทยา และเป็นขั้นตอนที่นำไปสู่พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเข้าใจ การนำความรู้ไปใช้ในการวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินผล ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ได้ใช้ความคิดและความสามารถทางสมองมากขึ้นเป็นลำดับ ส่วนความเข้าใจ (Comprehension) นั้น ฮอสเปอร์ ชี้ให้เห็นว่า เป็นขั้นตอนต่อมาจากความรู้ โดยเป็นขั้นตอนที่จะต้องใช้ความสามารถของสมองและทักษะในชั้นที่สูงขึ้น จนถึงระดับของการสื่อความหมาย ซึ่งอาจเป็นไปได้โดยการใช้ปากเปล่า ข้อเขียน ภาษา หรือการใช้สัญลักษณ์ โดยมักเกิดขึ้นหลังจากที่บุคคลได้รับข่าวสารต่าง ๆ แล้ว อาจจะโดยการฟัง การเห็น การได้ยิน หรือเขียน แล้วแสดงออกมาในรูปของการใช้ทักษะหรือการแปลความหมายต่าง ๆ เช่น การบรรยายข่าวสารที่ได้ยินมาโดยคำพูดของตนเอง หรือการแปลความหมายจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่ง โดยคงความหมายเดิมเอาไว้ หรืออาจเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อสรุปหรือการคาดคะเนก็ได้
ประภาเพ็ญ สุวรรณ ได้ให้คำอธิบายว่า ความรู้ เป็นพฤติกรรมขั้นต้นที่ผู้เรียนรู้เพียงแต่เกิดความจำได้ โดยอาจจะเป็นการนึกได้หรือโดยการมองเห็น ได้ยิน จำได้ ความรู้ในชั้นนี้ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับคำจำกัดความ ความหมาย ข้อเท็จจริง กฎเกณฑ์ โครงสร้างและวิธีแก้ไขปัญหา ส่วนความเข้าใจอาจแสดงออกมาในรูปของทักษะด้าน “การแปล” ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการเขียนบรรยายเกี่ยวกับข่าวสารนั้น ๆ โดยใช้คำพูดของตนเอง และ “การให้ความหมาย” ที่แสดงออกมาในรูปของความคิดเห็นและข้อสรุป รวมถึงความสามารถในการ “คาดคะเน” หรือการคาดหมายว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เบนจามิน บลูม (Benjamin S. Bloom ) ได้ให้ความหมายของ ความรู้ ว่าหมายถึง เรื่องที่เกี่ยวกับการระลึกถึงสิ่งเฉพาะ วิธีการและกระบวนการต่าง ๆ รวมถึงแบบกระสวนของโครงการวัตถุประสงค์ในด้านความรู้ โดยเน้นในเรื่องของกระบวนการทางจิตวิทยาของความจำ อันเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับการจัดระเบียบ โดยก่อนหน้านั้นในปี ค.ศ. 1965 บลูมและคณะ ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการรับรู้หรือพุทธิพิสัย (cognitive domain) ของคน ว่าประกอบด้วยความรู้ตามระดับต่าง ๆ รวม 6 ระดับ ซึ่งอาจพิจารณาจากระดับความรู้ในขั้นต่ำไปสู่ระดับของความรู้ในระดับที่สูง ขึ้นไป โดยบลูมและคณะ ได้แจกแจงรายละเอียดของแต่ละระดับไว้ดังนี้
  1. ความรู้ หมายถึง การเรียนรู้ที่เน้นถึงการจำและการระลึกได้ถึงความคิด วัตถุ และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นความจำที่เริ่มจากสิ่งง่าย ๆ ที่เป็นอิสระแก่กัน ไปจนถึงความจำในสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนและมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน
  2. ความเข้าใจหรือความคิดรวบยอด (Comprehension) เป็นความสามารถทางสติปัญญาในการขยายความรู้ ความจำ ให้กว้างออกไปจากเดิมอย่างสมเหตุสมผล การแสดงพฤติกรรมเมื่อเผชิญกับสื่อความหมาย และความสามารถในการแปลความหมาย การสรุปหรือการขยายความสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
  3. การนำไปปรับใช้ (Application) เป็นความสามารถในการนำความรู้ (knowledge) ความเข้าใจหรือความคิดรวบยอด (comprehension) ในเรื่องใด ๆ ที่มีอยู่เดิม ไปแก้ไขปัญหาที่แปลกใหม่ของเรื่องนั้น โดยการใช้ความรู้ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการกับความคิดรวบยอดมาผสมผสานกับความสามารถในการแปล ความหมาย การสรุปหรือการขยายความสิ่งนั้น
  4. การวิเคราะห์ (Analysis) เป็นความสามารถและทักษะที่สูงกว่าความเข้าใจ และการนำไปปรับใช้ โดยมีลักษณะเป็นการแยกแยะสิ่งที่จะพิจารณาออกเป็นส่วนย่อย ที่มีความสัมพันธ์กัน รวมทั้งการสืบค้นความสัมพันธ์ของส่วนต่าง ๆ เพื่อดูว่าส่วนประกอบปลีกย่อยนั้นสามารถเข้ากันได้หรือไม่ อันจะช่วยให้เกิดความเข้าใจต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแท้จริง
  5. การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็นความสามารถในการรวบรวมส่วนประกอบย่อย ๆ หรือส่วนใหญ่ ๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นเรื่องราวอันหนึ่งอันเดียวกัน การสังเคราะห์จะมีลักษณะของการเป็นกระบวนการรวบรวมเนื้อหาสาระของเรื่องต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างรูปแบบหรือโครงสร้างที่ยังไม่ชัดเจนขึ้นมาก่อน อันเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ภายในขอบเขตของสิ่งที่กำหนด ให้
  6. การประเมินผล (Evaluation) เป็นความสามารถในการตัดสินเกี่ยวกับความคิด ค่านิยม ผลงาน คำตอบ วิธีการและเนื้อหาสาระเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง โดยมีการกำหนดเกณฑ์ (criteria) เป็นฐานในการพิจารณาตัดสิน การประเมินผล จัดได้ว่าเป็นขั้นตอนที่สูงสุดของพุทธิลักษณะ (characteristics of cognitive domain) ที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจ การนำไปปรับใช้ การวิเคราะห์และการสังเคราะห์เข้ามาพิจารณาประกอบกันเพื่อทำการประเมินผล สิ่งหนึ่งสิ่งใด
ความรู้คือ สิ่งที่มนุษย์สร้าง ผลิต ความคิด ความเชื่อ ความจริง ความหมาย โดยใช้ ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ตรรกะ แสดงผ่านภาษา เครื่องหมาย และสื่อต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เป็นไปตามผู้สร้าง ผู้ผลิตจะให้ความหมาย